ดอยอินทนนท์นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับ 1 ของนักท่องเที่ยวไทยในช่วงฤดูหนาวนี้ ในช่วงใกล้ปีใหม่นักท่องเที่ยวก็จะแห่ขึ้นไปสัมผัสอากาศหนาวเย็นบนยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทย สูง 2,565 เมตรจากระดับน้ำทะเล ชมน้ำค้างแข็งบนยอดหญ้าหรือ เหมยขาบ
ส่วนในช่วงต้นเดือนมกราคมก็จะไปดูซากุระเมืองไทย (นางพญาเสือโคร่ง) จุดชมซากุระเมืองไทยที่สวยที่สุด และมีนักท่องเที่ยวไปชมมากที่สุดแห่งหนึ่งน่าจะเป็นที่ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงขุนวาง อยู่ลึกเลยโครงการหลวงอินทนนท์ไป โดยแยกขวาที่ทางขึ้นดอยอินทนนท์ประมาณกิโลเมตรที่ 31 แล้วขับรถผ่านบ้านขุนกลางจนถึงขุนวางที่พิกัด N18.62733 E098.50776
ที่พักที่โครงการหลวงอินทนนท์เต็มตลอดเดือนมกราคม เราก็เลยพักที่โรงแรม Empress ในเมืองเชียงใหม่ ขับรถจากโรงแรมไปยังขุนวางใช้เวลาประมาณชั่วโมงเศษๆ ช่วงที่ไปเป็นวันเสาร์กลางเดือนมกราคม นักท่องเที่ยวแน่นมาก โชคดีที่เราไปแต่เช้าเลยพอหาที่จอดได้
จุดที่สวยที่สุดเป็นอุโมงค์ซากุระอยู่ด้านใน ต้องเดินผ่านร้านอาหารเข้าไปประมาณ1 กิโลเมตร สองข้างทางที่เราเดินผ่านเต็มไปด้วยซากุระเมืองไทยหรือต้นนางพญาเสือโคร่งสีชมพูสดใส
นักท่องเที่ยวถ่ายรูปในอุโมงค์ซากุระ
อุโมงค์ซากุระเป็นแนวยาว
มองผ่านต้นนางพญาเสือโคร่งจะเห็นภูเขาอยู่รอบด้าน
ป้ายบอกสถานที่สำหรับให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูป
นอกจากนางพญาเสือโคร่งแล้วก็มีไม้ดอกอื่นๆ สวยงาม
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมาถ่ายรูปตรงจุดนี้ก่อนที่จะเดินต่อไปยังอุโมงค์ซากุระด้านใน
ไม้ดอกหลากหลายชนิดสีสันสวยงาม
2 ข้างทางเดินเต็มไปด้วยต้นนางพญาเสือโคร่งหรือซากุระเมืองไทย
ทางเดินเพื่อไปยังอุโมงค์ซากุระด้านใน
ต้นนางพญาเสือโคร่งสีสวยยาวตลอดทางเดิน
หลังจากนั้นเราก็ขับรถออกจากขุนวาง ตั้งใจจะไปทานปลาเทร้าท์ที่โครงการหลวงอินทนนท์ ปรากฏว่าคนแน่นมาก เลยเปลี่ยนใจ ขับรถเข้าไปในอำเภอจอมทอง ผ่านวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหารไปเจอสัญญาณไฟที่ 2 ก็เลี้ยวซ้ายไปยังร้าน สวนอาหารริมน้ำแท่นคำ ร้านนี้เปิดมาประมาณ 15 ปี อยู่ติดริมบึง บรรยากาศดี อาหารอร่อย ราคาไม่แพง พิกัด N18.41551 E098.68533
ทางเข้าสวนอาหารริมน้ำแท่นคำ
บรรยากาศสบายๆ ริมน้ำ
เมนูอาหารแนะนำ
ซุ้มทานอาหารริมน้ำ
หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว เราก็ขับรถไปยังอุทยานแห่งชาติแม่วางที่ตั้งอยู่ที่อำเภอดอยหล่อ เพื่อชม ผาช่อ "หน้าผามหัศจรรย์" แหล่งท่องเที่ยว unseen แห่งใหม่ของเชียงใหม่ เราขับรถไปที่ดอยหล่อตามป้ายผาช่อไปจนถึงปากทางเข้า พิกัด N18.50127 E098.76028 จ่ายค่าเข้าชมคนละ 20 บาท ค่ารถอีก 30 บาท จากปากทางเข้าผาช่อ ต้องขับรถไปตามถนนลูกรังอีกประมาณ 5 กิโลเมตร จนถึงที่จอดรถ แนะนำให้ขับรถตามป้ายไปจอดรถด้านบนที่จุดชมวิว จากนั้นก็เดินลงบันไดไปยังผาช่อ ทางเดินไปยังผาช่อคดเคี้ยว ทางเดินบางช่วงก็แคบมาก มีทั้งขึ้นเขาและลงเขาสลับกันไป ไม่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ
ผาช่อเป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติที่เกิดจากการกัดเซาะของลมและฝน เชื่อกันว่าเมื่อหลายร้อยปีก่อนสถานที่นี้เคยเป็นทางเดินของแม่น้ำปิง เพราะมีก้อนกรวดและหินกลมมนกระจัดกระจายอยู่ตามพื้นดินเป็นจำนวนมาก จนกระทั่งแม่น้ำปิงได้เปลี่ยนสายย้ายทิศไหลผ่านไปที่อื่น บริเวณนี้ก็ได้ถูกยกตัวเป็นเนินเขาสูง ตะกอนแม่น้ำปิงก่อตัวกันเป็นชั้นๆ ถูกกัดเซาะตามกาลเวลาที่ผ่านไปจนกลายเป็นหน้าผาสูง ครั้งแรกที่ไปเมื่อปลายปี พ.ศ. 2556 ยังไม่มีการสร้างบันไดให้นักท่องเที่ยวเดิน ไปคราวนี้เมื่อกลางเดือนมกราคม 2558 ก็มีการสร้างบันไดให้นักท่องเที่ยวเดินเข้าไปชมผาช่อได้สะดวกมากขึ้น
เสาดินรูปร่างแปลกตาคล้ายที่แพะเมืองผีที่แพร่
เสาดินที่นี่จะสวยและใหญ่กว่ากิ่วเสือเต้น แหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งที่อยู่ใกล้กัน
สร้างบันไดให้นักท่องเที่ยวเดินเข้าไปชมและถ่ายรูปกันอย่างใกล้ชิด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น